ตอนที่ 2 : กุหลาบเลื้อยจากเชียงใหม่มาภูเก็ต

สวัสดีค่ะ หลังจากที่ได้เริ่มทดลองใช้ "ปุ๋ยกิฟฟารีน" กับกุหลาบเลื้อยมาเป็นเวลาสองสัปดาห์ ก็รู้สึกตื่นเต้นมากเลยที่ได้เห็นพัฒนาการในการแตกยอดของกุหลาบเลื้อยที่งอกงามขึ้นอย่างต่อเนื่อง

"แต่ปุ๋ยกิฟฟารีนก็ไม่ใช่เพียงตัวแปรเดียวที่จะทำให้กุหลาบเลื้อยเจริญงอกงามได้ดีนะคะ เดี๋ยวจะมาว่าดิฉันพูดเกินจริง"

เพราะมันยังมีองค์ประกอบที่สำคัญหลายประการ อาทิเช่น เรื่องดิน , เรื่องการให้น้ำ และอากาศ แต่ละองค์ประกอบก็มีความสำคัญทั้งนั้น ซึ่งเป็นที่รู้กันว่ากุหลาบเลื้อยและกุหลาบสายพันธุ์อื่นต่างก็ต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่ที่ดี

เอาล่ะค่ะ มาดูประสิทธิภาพของ "ปุ๋ยกิฟฟารีน" ว่ามันช่วยให้กุหลาบเลื้อยรอดชีวิตได้อย่างไร ? ในอากาศที่ค่อนข้างร้อนของภูเก็ตบ้านเรา

สังเกตว่าหลังจากได้รับต้นพันธุ์ที่ส่งมาจากเชียงใหม่ ก็นำกุหลาบลงปลูกในดินที่เตรียมไว้ แต่อาจจะเป็นเพราะการขนส่งที่ไกลมาก เลยทำให้ต้นเฉาลงอย่างน่าตกใจ

ดิฉันก็ได้ตัดแต่งกิ่งตามคำแนะนำของเจ้าของสวนเดิม เพื่อไม่ให้กุหลาบเลื้อยเฉาตายทั้งต้น แล้วจึงค่อยเริ่มให้น้ำที่ผสมกับ "ปุ๋ยเกร็ดโกรแม็กซ์ สูตร 20-20-20" และ "เทอร์โบไทโอแม็ก" ในสัดส่วนเพียงเล็กน้อย เพราะจำนวนมันไม่เยอะมาก

เมื่อเวลาผ่านไปสองสัปดาห์ก็เกิดผลลัพธ์อย่างที่เห็นในรูป ต้นที่ยังสวยและเขียวอยู่ ก็เริ่มแตกยอดอย่างสวยงาม ส่วนต้นที่มีอาการเฉามาก จนดิฉันกลัวว่าจะเลี้ยงมันไม่รอด ก็ได้มีการแตกยอดใหม่อย่างสวยงามเช่นกัน ดีใจมากจนเผลอคิดไปว่า ถ้าเราสามารถเลี้ยงให้กุหลาบเลื้อยเหล่านี้ออกดอกได้ตามต้นแม่พันธุ์ที่สวยงามมันจะดีแค่ไหน

เรามาลุ้นกันในตอนต่อไปค่ะ